ซุปเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวอังกฤษ ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่มีจิตวิญญาณของนักสู้ ที่ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมามากมายตลอดอาชีพค้าแข้ง เส้นทางของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และต้องเจอกับอุปสรรคต่างๆมากมาย อย่างตอนที่เขาโดนใบแดงในศึกฟุตบอลโลกปี 1998 ในเกมที่พบกับทีมชาติอาเจนติน่า ที่เขาไปเสียรู้ให้กับ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ จนกลายเป็นเด็กโง่ของชาวอังกฤษทั้งประเทศ
ก่อนที่จะสู้จนเอาชนะใจแฟนบอลของตัวเองในเวลาต่อมา และกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่โด่งดังที่สุดในโลก แต่ไม่ว่าจะเป็นนักเตะที่โด่งดัง มีฐานะระดับ superstar และได้ย้ายไปค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด ตัวของ เดวิด เบ็คแฮม ก็ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากสุดๆ โดยเฉพาะในฤดูกาล 2006-2007 ที่เขาต้องสู้เพื่อให้ได้รับการยอมรับอีกครั้ง
ก่อนที่จะไปพบกับเรื่องราวของ David Beckham ในฤดูกาลนั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2006-2007 แล้ว มาดริด เริ่มต้นด้วยกดดันสุด พวกเขาต้องกล้ำกลืนฝืนทน กับการดู บาร์เซโลน่า ทีมคู่ปรับตลอดกาลประสบความสำเร็จระดับสูงสุด ในยุคของ โรนัลดินโญ่ superstar ชาวบราซิล และได้แชมป์ลาลีกา 2 ปีซ้อน รวมไปถึงขึ้นสู่จุดสูงสุด ด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลก่อนหน้า
ในขณะที่ Real Madrid กลับตรงกันข้าม มีการเปลี่ยนแปลงภายในทีมที่มากมายต่อนักเตะในทีม และประธานสโมสร ฟลอเรนติโน เปเรซ ผู้เริ่ม Project ใหม่ที่ต้องการนำนักเตะฝีเท้าระดับโลก เข้าสู่ทีละ 1 คน ต้องออกจากสโมสรไปในตอนนั้น เพื่อรับผิดชอบผลงานที่น่าผิดหวัง ก่อนที่จะเป็น รามอน การ์เดรอน คนเก่าเข้ามาบริหารทีมแทน
นักเตะมาดริด ที่มีฝีเท้าระดับเทพ อย่าง ซีเนอร์ดีน ซีดาน ก็เข้าสู่ช่วงเวลาโรยราไปตามวัย จนต้องแยกย้ายกันออกไปคนละทาง ประกาศเลิกเล่นหลังจบบอลโลกปี 2006 ที่จบลงด้วยการที่เขาไปเฮดบัด ใส่มาร์โก ปาเตราซซี่ ในรอบชิงชนะเลิศกับทีมชาติอิตาลี หลุยส์ ฟิโก้ ก็ย้ายทีมไปปีก่อนหน้าแล้วด้วยการไปเล่นให้กับ อินเตอร์ มิลาน ยอดทีมแห่งศึกกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี โรนัลโด้ ยอดดาวยิงระดับตำนาน ก็สภาพร่างกายพบถอยเข้าหลัก 3 ที่อายุก็เริ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน นั่นทำให้เขาตัดสินใจที่จะดึงตัว ฟาร์บิโอ คาร์เปลโล เข้ามาเป็นนายใหญ่ของทีมอีกครั้ง คาร์เปลโล ไม่ได้เป็นตัวเลือกที่แฟนๆราชันชุดขาวชื่นชอบเอาซะเลย แม้ว่าจะเคยพาทีมราชันชุดขาวคว้าแชมป์ลาลีกาเมื่อ 10 ปีก่อนหน้า แต่ว่าด้วยสไตล์การเล่นของทีม และความเป็นคนหัวแข็งของยอดโค้ชชาวอิตาเลียนผู้นี้ ก็เลยร่วมงานกันได้เพียงแค่ปีเดียว เหมือนกับว่าคราวนี้เรอัล มาดริด ก็จนแต้มจริงๆ เพราะแม่ว่าสภาพทีมนั้นจะไม่ได้ แต่ความคาดหวังของแฟนบอลที่มีต่อพวกเขา ก็มีเพียงอย่างเดียวก็คือการทวงแชมป์กลับมาจากบาร์เซโลน่า ไม่มีใครมองอยู่แล้วว่าเรอัล มาดริด นักเตะที่พวกเขามีอยู่ในตอนนั้นจะเป็นอย่างไร
จะเป็นไปได้ขนาดไหนแต่ว่าสิ่งที่ทุกคนต้องการก็คือ การเอาชนะบาร์เซโลนาซึ่งเป็นจุดที่โหดสุดๆเลยทีเดียว บาร์เซโลนา ประสบความสำเร็จสูงสุดกับการได้แชมป์ยุโรป นักเตะตัวหลักอย่างโรนัลดินโญ่ ก็เพิ่งจะอายุ 26 ปี เรียกว่าก็อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือจะเป็นการขึ้นมาของดาวรุ่งดวงใหม่ ที่กำลังจะเฉิดฉายในโลกลูกหนังอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ ดังนั้นน่าจะเป็นไปไม่ได้ ที่เขาจะไปเปรียบกับบาซ่าที่แข็งแกร่งขนาดนี้
ทางเลือกเดียวของมาดริดนั่นก็คือลืมความสวยงามในเกมซะ ถ้าหากอยากได้แชมป์ บอลเน้นผลการแข่งขันตามแบบฉบับของกุนซือชาวอิตาเลียนคือทางออกของพวกเขา ฟาร์บิโอ คาร์เปลโล เป็นคนระเบียบจัด และก็มีแนวคิดที่ชัดเจนเป็นของตัวเอง ถ้าเขารู้สึกว่าใครแตกแถวออกจากแนวทางของเขา เขาก็พร้อมจะพิฆาตออกจากทีม อย่างเช่นโรนัลโด้ ดาวยิงเจ้าสำราญที่ไหนว่าจะเก่งขนาดไหน ยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ถ้าเขาไม่ฟังโค้ช ฟาร์บิโอ คาร์เปลโล ก็โดนขายทิ้งออกไปให้กับเอซีมิลานในช่วงกลาง Season
และอีกคนที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเข้ากับระบบของ ฟาร์บิโอ คาร์เปลโล ได้เท่าไหร่ก็คือ เดวิด เบคแคม หนึ่งในนักเตะแข้งชุดขาวที่ตอนนั้นมีอายุ 31 ปี เป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้ชื่อว่า ไม่ได้รับการยอมรับเหมือนกับคนอื่นๆ ประธานสโมสรคนใหม่ของทีมราชันชุดขาวก็บอกว่า เบคแฮม ครึ่งหนึ่งก็คือนักฟุตบอล อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นเหมือนกับดาราฮอลลีวูด ซึ่งนั่นเป็นเหมือนกันสบประมาทตัวของ เบคแฮม แบบชัดเจน คือลีกของสเปนเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่ค่อยให้การยอมรับในฝีเท้าของเบคแฮม สักเท่าไหร่